-------------------------------------------------------------------------------- --------------------------------------------------------------------------------

ลงโฆษณา

วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อย่าจูงใจ...แบบจงใจ (2)

m195564

ต่อจากตอนที่แล้ว

อย่าลืมว่าคนที่ไม่ชอบการแต่งหน้าแต่งตา ถ้าคุณไปเสนอเหมือนบังคับให้ใช้เครื่องสำอาจ อีกฝ่ายหนึ่งก็จะไม่ซื้อแน่นอน ถ้าเธอเป็นคนที่ไม่ชอบการแต่งหน้าแต่งตา

ดังนั้นในกรณีอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน คุณจะต้องดูฝ่ายตรงข้ามด้วยว่าเป็นคนลักษณะใด ชอบหรือไม่ชอบแบบไหน และถ้าคุณหวังผลประโยชน์ใดๆ จากฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็นลักษณะเจ้านายกับลูกน้อง หรือลูกน้องกับเจ้านายก็ตาม หรือแม้แต่เป็นคนในบ้าน คุณก็ต้องใช้วิธีจูงใจโดยทางอ้อม อย่าใช้วิธีจูงใจแบบตรงๆ ถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายอาจจะตั้งเกราะกำแพงไว้ป้องกันอยู่แล้ว

อีกตัวอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องในครอบครัวที่สามารถใช้วิธีนี้ได้เช่นกัน สมมติว่าคุณเป็นพี่สาวที่ต้องการจะถามน้องชายเกี่ยวกับเรื่องการสมัครเรียนต่อในสายวิชาหรืออบรมวิชาชีพใดๆ ก็ได้ หรืออาจจะเป็นการหางานทำ ซึ่งจะเห็นว่าน้องชายคุณนั้นทำตัวว่างและเที่ยวเตร็ดเตร่มาตลอด 1 ปี

ถ้าคุณพยายามจะคุยกับน้องชายคุณให้ได้ น้องชายคุณก็จะต้องตั้งเกราะป้องกันไว้อยู่แล้วเพราะรู้ว่าคุณจะพูดเรื่องนี้ “เย็นนี้กลับบ้านเร็วๆ นะกินข้าวพร้อมกัน พี่มีเรื่องจะพูดด้วย” ถ้าคุณพูดเช่นนี้ไม่แน่ว่าเย็นนี้คุณจะได้พบกับน้องชายของคุณหรือไม่ ถ้าพบแล้วคุณได้ซักถามหรือติติงเขาก็อาจจะรับฟังด้วยดี แต่เขาจะไม่ปฏิบัติตามที่คุณเร่งเร้าให้เขาทำตัวให้มีประโยชน์ หรือใช้เวลาว่างให้มีประโยชน์แต่อย่างใด

แต่ถ้าคุณรอจังหวะที่จะได้พบเขาตามลำพัง เมื่อพบแล้วก็จะต้องไม่รีบพูดเรื่องที่คุณมุ่งหวังแต่อย่างใด ให้ชวนคุยเรื่องสัพเพเหระต่างๆ ให้อีกฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าจะไม่ถูกคุณดุหรือจะไม่ถูกคุณซักไซ้เรื่องหางานทำหรือหาหนทางเรียนต่อแต่อย่างใด

เมื่อคุยเรื่องสัพเพเหระไปได้สักครู่แล้ว คุณก็เริ่มพูดจูงใจโดยเอ่ยอย่างไม่ได้ตั้งใจหรือตั้งใจขึ้นว่า “ช่วงนี้น้องก็พักผ่อนให้เต็มที่แล้วกันนะ พักผ่อนให้สบายๆ พอเริ่มสบายอกสบายใจหรือคิดหาทางอะไรได้แล้ว ลองมาปรึกษาพี่ก็ได้นะว่าอยากจะมองหางานอะไรทำ หรืออยากไปเรียนต่อคอร์สสั้นๆ เกี่ยวกับภาษา คอมพิวเตอร์ หรือแนวอื่นๆ ที่สนใจ ถ้าตอนนี้ยังติดสินใจเลือกไม่ได้ละก็ลองพักอีกสักเดือนสองเดือนก็ได้นะ” การเอ่ยขึ้นเช่นนี้เป็นการบอกความนัยให้เขารู้ว่าไม่ควรจะทำตัวว่างให้เกินอีก 2 เดือนนี้ ควรจะหาอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอันได้แล้วแต่คุณพูดในลักษณะนี้น้องชายก็จะรู้สึกเกรงใจและไม่รู้สึกกดดัน เพราะคุณไม่ได้เร่งเร้าเขา

เชื่อได้เลยว่าอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมาเขาจะเป็นคนมาบอกคุณเองว่าเขาได้เริ่มมองหางานทำและกำลังติดต่อเรื่องงานกับเพื่อนอยู่

ที่เป็นเช่นนี้เพราะการจูงใจโดยไม่จงใจย่อมจะได้ผล เพราะจะไม่กดดันอีกฝ่ายนั้นเอง

สิ่งที่อาจสนใจ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น