ในการพูดจูงใจคนโดยกล่าวนำเป็นเชิงว่า เขาผู้นั้น(ผู้ฟัง) ก็รู้ดีอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ถือว่าเป็นการพูดจูงใจที่ได้ผลอีกวิธีหนึ่งทีเดียว
สมมติว่าคุณอยากจะดุน้องชายที่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย คุณควรพูดจูงใจว่า
“เธอก็รู้ดีว่าเศรษฐกิจไม่ดี เงินเดือนพี่ได้เท่าเดิม โอทีก็ไม่มีแล้วเดี๋ยวนี้โบนัสก็ไม่ได้ เธอซื้อกางเกงยีนส์ตัวละ 1,800 อย่างนี้เธอก็คงจะรู้ตัวว่ามันแพงเกินสำหรับเธอ แล้วเธอก็จะไม่มีเงินใช้ ถึงสิ้นเดือนต้องมาขอพี่อีก”
การพูดเช่นนี้คือจูงใจให้เขาเห็นคล้อยตามว่าเขาผิด ว่าเขารู้ดีทุกอย่างแต่เขายังทำ การชี้ให้เห็นเช่นนี้จะทำให้เขาสำนึกผิดและนึกตำหนิตนเอง
แต่ถ้าคุณพูดว่า
“เธอไม่รู้รึไงว่าเศรษฐกิจย่ำแย่ ซื้อของฟุ่มเฟือยตัวละเกือบ 2 พัน อย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน พี่ไม่มีเงินให้หรอกนะ ไม่รู้รึไงว่าบริษัทตัดโอทีงดโบนัส เธอไม่รู้หรือว่าตัวเองจน ยังมีหน้าไปซื้อของแพงมาใส่อีก”
การพูดในเชิงปฏิเสธแทนในทางอ้อม “เธอไม่รู้รึไงว่า” เช่นนี้จะไม่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกผิดแต่อย่างใด และเขาก็จะไม่ทำในสิ่งที่คุณมุ่งหวัง
แต่ในการพูดจูงใจแบบแรก น้องชายจะรู้สึกผิดอยู่ในใจ เขาจะคิดคล้อยตามคุณว่า “จริงสินะ เราก็รู้ แต่เรายังทำ วันหลังไม่ทำดีกว่า พี่จะได้สบายใจ”
การรู้จักใช้หลักจิตวิทยาเช่นนี้มักจะได้ผล เพราะคนเรานั้นไม่มีใครอยากกระทำผิดพลาด หากถูกด่าว่าซ้ำเติมเขาก็จะยิ่งไม่ยอมรับ แต่ถ้ามีคนมาเข้าใจและติติง เขาก็จะเชื่อฟังและเปลี่ยนพฤติกรรมตามที่คุณต้องการ
สิ่งที่อาจสนใจ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น